Tada Parfumeur – Rose & Thorns (Extrait de Parfum) :
ปีที่วางจำหน่าย : 2021
Perfumer : Tada Archawong
Fragrance Notes :
Top Notes : Violet, Sweet Sugar,
Middle Notes : Lipstick, Orris,
Base Notes : Leather, Amber, Musk

เป็นเวลาเกือบปีแล้วที่เราไม่ได้ลงรีวิวนำ้หอมกลิ่นใหม่ๆเพิ่มเติมเลย ด้วยเหตุผลนานับประการ ตั้งแต่ สุขภาพของตัวเราเอง หน้าที่บทบาทใหม่ของภาระงานที่ท้าทายมากขึ้น ตลอดไปจนถึงการดูแลเด็กๆในบ้านที่ต้องเรียนออนไลน์ สภาพที่แสนจะรุงรังนุงนัง จนบางครั้งทำให้ลืมสิ่งที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของเรื่องต่างๆ อย่างเช่น การฉีดนำ้หอมในแต่ละวันค่ะ
จนมาถึงวันหนึ่ง เมื่อคุณธาดา เจ้าของแบรนด์ Tada Parfumeur ได้นัดชวนออกมาเปิดหูเปิดตา นั่งพูดคุยอัพเดตเรื่องราวต่างๆกัน จึงได้มีโอกาสลองนำ้หอมกลิ่นใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนธันวาคม 2564 หลังจากที่ได้ลองเเล้ว สิ่งที่เราจับใจความของกลิ่นได้ คือ แบรนด์เดิมของคุณธาดา (Natural Teller) นั้นจะออกมาในโทนที่เสียงดัง ส่งสาสน์ของแนวกลิ่นออกมาอย่างชัดเจน ในขณะที่ Tada Parfumeur จะมองโลกที่อ่อนโยน และเข้าใจวิถีชีวิตได้มากขึ้น จึงทำให้แนวกลิ่นโทนใหม่ๆนั้นค่อนข้างใช้ง่ายและปรับให้เข้ากับสถานการณ์ที่หลากหลายได้มากกว่า
เมื่อได้ลองหลายๆกลิ่นที่เปิดตัวมาแล้วนั้น ก็พบว่ากลิ่น Rose & Thorns นั้นค่อนข้างถูกใจเรา อีกอย่างหลังจากที่ได้รับนำ้หอมขวดนี้เข้ามาในบ้านแล้ว จึงได้รีบสั่งซื้อไปทันที โชคดีที่ยังทันรอบพรีเมียร์ที่ได้ลายเซ็นของเจ้าของแบรนด์มาด้วยค่ะ
หลังจากที่นำ้หอมขวดนี้ เดินทางมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ก็กลายร่างเป็นนำ้หอมที่เราหยิบใช้ค่อนข้างบ่อยมาก ด้วยความที่เป็นกลิ่นที่ใช้ได้กับทุกโอกาส ไม่ว่าจะไปทำงาน อยู่บ้าน ไปธุระนอกสถานที่ แถมยังไม่ค่อยซำ้กับนำ้หอมที่เป็นที่นิยมโดยทั่วไปที่แทบจะเดินชนกันในที่สาธารณะต่างๆค่ะ
สิ่งแรกที่เราประทับใจในกลิ่นนี้ เป็นเพราะความละมุนและละเมียดละไม จากกลิ่นเปิดแรกที่เราสัมผัสได้ คือ กลิ่นของไวโอเลต ที่เป็นกลิ่นโทนเขียว แต่หอมสะอาดแบบสบู่ ไม่ได้ประกาศศักดาความเป็นนำ้หอมแบบโฉ่งฉ่าง แต่กลับมาอย่างเงียบกริบที่แฝงไปด้วยความหรูแบบอ่อนน้อม เป็นกลิ่นที่เราให้ความรู้สึกว่า สวยผาด (สวยแบบนี้ ยิ่งมองนานๆ ยิ่งสวย) แถมด้วยความเรียบร้อยในอากัปกิริยา เป็นกลิ่นที่มาแบบเอื่อยๆ แต่ ยิ่งดมใกล้ผิว ก็รู้สึกว่ากลิ่นยิ่งอบอุ่นมากขึ้น
ถึงแม้ว่าจะชื่อกลิ่น Rose & Thorns แต่เรากลับคิดว่า ไม่ได้สวยวูบวาบแบบกุหลาบมีหนามขนาดนั้นนะคะ วูบของกุหลาบตามชื่อนั้น เราจับได้แต่ช่วงเเรกแค่อึดใจเดียว และกลิ่นของไวโอเลตกลับโดดเด่นขึ้นมาเสียมากกว่าและแฝงไปทุกช่วงของกลิ่น แล้วโดยเฉพาะตอนท้ายของกลิ่นนั้น ได้กลิ่นหวานละมุนติดผิวที่ยิ่งดมแล้ว ยิ่งอยากดมอีกค่ะ
ในเรื่องความฟุ้งนั้น บนผิวเราอยู่ในช่วงปานกลางนะคะ ส่วนเรื่องความทนนั้น ได้อยู่ที่ 4-5 ชั่วโมง ค่อนข้างไปในโทนกลิ่นติดผิว ถ้าเจอช่วงที่อากาศร้อนมากๆ หรือเหงื่อออกเยอะ กลิ่นจะค่อนข้างหมดไวค่ะ แต่ถ้าอยู่ในห้องแอร์ กลิ่นจะฟุ้งและตีขึ้นได้มากกว่าปกติค่ะ
หมายเหตุ : กลิ่นที่ได้และรีวิวนั้นมาจากประสบการณ์ส่วนบุคคล ซึ่งแต่ละคนจะมีประสาทสัมผัสที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความทรงจำ และสภาพแวดล้อม ไปจนถึงบุคลิกของผู้ใช้งานแต่ละบุคคลค่ะ