Yves Saint Laurent Opium Parfum Basic Information :
ปีที่วางจำหน่าย : 2017
Perfumer : Jean Amic and Jean-Louis Sieuzac
Fragrance Notes :
Top Notes : Mandarin, Bergamot, Plum, Hesperides, Clove, Coriander, Pepper, Bay, Pimento
Middle Notes : Jasmine, Rose, Carnation, Lily of the valley, Ylang ylang, Peach, Orris, Cinnamon, Myrrh
Base notes : Vanilla, Patchouli, Sandalwood, Vetiver, Myrrh, Opopanax, Labdanum, Benzoin, Castoreum, Amber, Frankincense, Musk, Tolu, Cedar, Vanilla, Olibanum, Cistus

ขวดนี้ ต้องบอกก่อนว่า ได้เป็นของขวัญมาค่ะ ตอนที่แกะกล่องมา หัวใจจะวาย เพราะมาแบบสวยงาม ลำ้ค่า หายาก เพราะเป็นของวินเทจอีกด้วย เวลาจะแกะมาใช้ ต้องโอกาสพิเศษจริงๆค่ะ
อธิบายทรงขวดก่อน เค้าเป็น Parfum ขวดเลยเป็นแบบลักษณะแตะแต้มนะคะ แต่ด้วยความที่เป็นวินเทจ (ส่วนผสมยังไม่ได้ปรับสูตร ผสมกับผ่านการบ่มมานาน) และโน้ตกลิ่น แตะแค่ครั้งสองครั้ง กลิ่นก็ลอย กระจายไปไกลมากเลยทีเดียวค่ะ
ถึงแม้จะชื่อว่า Opium หรือน้องฝิ่น แต่ความหมายก็ไปในทางว่า ใช้แล้ว ยากจะถอนตัว เสน่ห์ล้นเหลือหลาย ต้านทานไม่อยู่ อะไรทำนองนั้น
เราว่าอานุภาพกลิ่น คือ นางพญา แบบชัดๆเลยนะคะ เพราะขนรวมเหล่าดอกไม้หอมที่มาแบบหนักแน่น ไม่ว่าจะเป็นกุหลาบ มะลิ กระดังงา คาร์เนชั่น ดอกกระดิ่วง โอย สารพัด คือตามสไตล์นำ้หอมยุคนั้นนะคะ เยอะ รุ่มรวย
นอกเหนือจากดอกไม้ เหล่ายางไม้และไม้หอมก็ไม่ได้น้อยหน้าเลย และทุกกลิ่นแข่งกันวิ่งออกมาแสดงตัวแบบไม่มีใครน้อยหน้าใคร ให้นั่งดมแล้วนึกถึงแต่ละโน้ต เป็นลมก่อนพอดี
กลิ่นนี้เป็นอย่างไร ก็ให้นึกถึงราชินีเปิดตัวพร้อมชุดเต็มยศกลางงานเต้นรำค่ะ มาแบบที่ทุกคนต้องหันมามองเลย แต่ถ้าใช้ในยุคปัจจุบัน ให้เรียกว่า กลิ่นนี้เป็นกลิ่นคลาสสิคดีกว่าค่ะ บุคลิกเรียบร้อย อ่อนวัย ใสๆ เราว่าไม่เหมาะกับขวดนี้เลย
ด้วยความที่เป็น Parfum กลิ่นเลยทน และฟุ้งมากมาย ข้ามวันข้ามคืนเลยทีเดียวค่ะ
ขอบคุณที่ส่งของขวัญชิ้นนี้มาให้นะคะ
หมายเหตุ : กลิ่นที่ได้และรีวิวนั้นมาจากประสบการณ์ส่วนบุคคล ซึ่งแต่ละคนจะมีประสาทสัมผัสที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความทรงจำ และสภาพแวดล้อม ไปจนถึงบุคลิกของผู้ใช้งานแต่ละบุคคลค่ะ