Chanel Coco

Basic Information :
ปีที่วางจำหน่าย : 1984
Perfumer : Jacques Polge
Fragrance Notes :

Top Notes : Angelica, Mimosa, Frangipani, Mandarin, Pimento, Coriander
Middle Notes : Cascarilla, Orange flower, Bulgarian rose, Jasmine, Carnation, Ylang ylang, Cinnamon, Orris, Tuberose
Base notes : Labdanum, Ambrette seed, Opopanax, Benzoin, Tonka, Vanilla, Olibanum, Musk, Honey, Civet, Patchouli, Vetiver, Sandalwood
Status : Avaliable – In production

หากพูดถึงนำ้หอมจากบ้านชาแนล หลายๆคนมักจะนึกถึงกลิ่น No.5 หรือ Mademoiselle ที่โด่งดังกว่าใครเพื่อน แต่สำหรับเรา กลิ่นที่เราชื่นชอบเป็นอันดับต้นๆ กลับกลายเป็นกลิ่นนี้ค่ะ

Coco ยังคงมีกลิ่นอายของความหรูหราตามแบบของชาแนล จะไม่ไปในทางแป้งจ๋า เหมือน No. 5 และก็ไม่ได้อ่อนวัยเท่ากับ Mademoiselle เทียบกันจริงๆ เราว่าฟีลเหมือนแม่ของกลิ่น Mademoiselle เสียด้วยซำ้นะคะ

ด้วยกลิ่นของมวลดอกไม้เด่นๆ อย่างกุหลาบ มะลิ กระดังงา และดอกอื่นที่เป็นที่นิยมของยุคสมัยนั้น มาหลอมรวมกับมวลเครื่องเทศสิ่งละอันพันละน้อย อย่างเช่น อบเชย ลูกผักชี แถมมาพร้อมกับกลิ่นยางไม้ ไม้หอม และวานิลลา จะว่าไป คือใส่มาสารพัดสิ่ง เล่นใหญ่แบบโอเปร่าเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งก็เป็นที่นิยมสำหรับสาวๆในช่วงที่วางขายใหม่ๆเลยนะคะ

ในความเข้มข้นระดับ EDP ครั้งแรกที่เราลองใช้ กลิ่นเปิดค่อนข้างมาแรง จากกลิ่นของ 3 เทพดอกไม้ อย่าง กุหลาบ กระดังงา และมะลิ ทำให้เรานึกถึงสมัยคุณแม่ยังสาว ผมตีโป่ง กลิ่นนำ้หอมลอยมาแต่ไกล แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เรารักกลิ่นนี้

หลังจากที่ปล่อยให้นำ้หอมทำหน้าที่ของตัวเองไป จนถึงช่วงกลางกลิ่น พบว่ากลิ่นละมุนละไมมากขึ้น ความรุนแรงประหนึ่งอาการเกรี้ยวกราดได้ลดน้อยลงไป เหลือความนุ่มนวลแต่ไม่อ่อนแอ อาจเป็นเพราะเหล่ามวลสารจากเครื่องเทศต่างๆที่ใส่ไปนั้น ทำให้กลิ่นดูลึกลับ ซับซ้อน และมีมิติมากขึ้น

พอมาถึงในช่วงท้าย กลิ่นหอมหวานได้ตีขึ้นมาเล็กน้อย พอให้ได้รู้สึกว่า กลิ่นนี้ก็ไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด จากกลิ่นสาบน้อยๆที่มาจากชะมด รวมกับพัชชูรี ทำให้รู้สึกนุ่มนวล ลึกลับ และ ชวนหลงใหลมากขึ้นค่ะ

ถ้าหากว่าความเข้มข้นระดับ EDP ทำให้รู้สึกเวียนหัว ยังมีเวอร์ชัน EDT ให้ได้เลือกใช้นะคะ กลิ่นเปิดไม่รุนแรงเท่ากับ EDP แต่ก็ยังคงไว้ลายกลิ่นได้อย่างไม่เคอะเขินค่ะ ซึ่งข้อดีของ EDT ที่เราพบอีกอย่างนึงคือ กลิ่นเปิดไม่บาดจมูกเท่าตัวอื่นนะคะ

จากที่เราดมเทียบมา กลิ่นไม่ได้แตกต่างกันจนกลายเป็นนำ้หอมคนละกลิ่น เรามองว่าทั้งสองเวอร์ชันนี้ สามารถใช้สลับแทนกันได้ค่ะ ถ้าอากาศอุ่น หรือว่าอบอ้าวขึ้นมาหน่อย ใช้ EDT เพื่อให้กลิ่นไม่เข้มข้นจนเกินไป น่าจะเหมาะกว่า หรือว่าต้องการความทน และความชัดของกลิ่นมากขึ้น ก็เลือกใช้ EDP ไปเลย

ถึงแม้ว่า EDP กับ EDT ในสายตาเราจะแตกต่างกันไม่มาก แต่เทียบไม่ได้กับเวอร์ชัน Parfum ที่มีความเข้มข้นระดับสูงสุด เจ้าตัวนี้กลายเป็นเวอร์ชั่นที่เราชื่นชอบมากที่สุดค่ะ

เพราะกลิ่นที่ฉีดออกมานั้น เจ้าตัว Parfum แสดงอานุภาพของกลิ่นจากเหล่าดอกไม้ชัดเจนกว่าตัวอื่น อีกทั้งกลิ่นทั้งทน ทั้งฟุ้งอย่างดีเยี่ยม ถึงแม้จะฉีดแค่สองสเปรย์ ซ้าย ขวา เบาๆที่ตัวเสื้อ (และแน่นอน ราคาก็แรงตามไปด้วยค่ะ แต่เชื่อเราเถอะ คุ้มราคาจริงๆ)

ถึงแม้กลิ่นนี้จะเปรียบเหมือนกลิ่นคุณแม่ หรือคุณย่าคุณยายยังสาว แต่เราก็ยังมองว่า ผู้ชายสามารถใช้กลิ่นนี้ได้นะคะ จริงๆ เรามองว่ากลิ่นค่อนข้างแมนเสียด้วยซำ้ แต่มาแบบผู้หญิงแมนๆนะคะ ยังไม่ถึงกับผู้ชายแมนๆขนาดนั้น

ความคงทน เอาไปเต็มสิบเลย กลิ่นฟุ้งกระจาย ให้ไปสิบห้าเลยนะคะ ฉีดไว้ข้ามวันข้ามคืน กลิ่นก็ยังคงอยู่ดี ไม่ไปไหน แถมทิ้งไว้ยิ่งนาน กลิ่นยิ่งนุ่มนวลขึ้นอีกด้วยค่ะ

ด้วยโทนกลิ่นแนวฟลอรัล โอเรียนทัลแบบนี้ เราว่าเหมาะกับงานแบบทางการ ดินเนอร์ หรือพบปะผู้ใหญ่ สร้างความน่าเชื่อถือ แต่ยังไม่เหมาะกับเที่ยวกลางคืน หากไม่ต้องการให้ถูกมองว่าสูงอายุนะคะ

หากจะเปรียบนำ้หอมกลิ่นนี้กับใครสักคน กลิ่นนี้เรายกให้กับสุภาพสตรีวัยกลางคน แต่งตัวแนวมินิมอล โทนสีเรียบขรึม เรียบง่าย แต่โก้หรู สีหน้านิ่งเฉย ท่าทีสง่างามค่ะ
หมายเหตุ : กลิ่นที่ได้และรีวิวนั้นมาจากประสบการณ์ส่วนบุคคล ซึ่งแต่ละคนจะมีประสาทสัมผัสที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความทรงจำ และสภาพแวดล้อม ไปจนถึงบุคลิกของผู้ใช้งานแต่ละบุคคลค่ะ