
ช่วงที่ผ่านมา เป็นช่วงที่เราค่อนข้างเห่อนำ้มันทาผิว จากเดิมที่เคยทาโลชั่น แต่เราเจอปัญหาว่า ทาแล้วเหนียว เหนะหนะ ไม่ค่อยซึมผิว หรือบางครั้ง ด้วยความเร่งรีบ โลชั่นที่ทาก็จะแห้งไม่ทันใจค่ะ จนกระทั่งมีโอกาสได้ลองใช้นำ้มันทาผิว ซึ่งก็ลองมาหลายตัวมาก….กกก เลยทยอยหยิบมารีวิวนะคะ
ยี่ห้อ Nuxe เนี่ย มาจากฝรั่งเศส เป็นยี่ห้อที่คล้ายกับยาสามัญประจำบ้านของสาวปารีเชียงเลยทีเดียวค่ะ สามารถหซื้อได้ตามร้านทั่วๆไปเลยนะคะ
ตัวนี้เราเจอด้วยความบังเอิญตรงกับช่วงลดราคาพอดี ก็เลยซื้อมาลองใช้ พอใช้ไปใช้มา ติดใจ ก็เลยใช้ต่อมาเรื่อยๆค่ะ หมดไปกี่ขวด จำไม่ได้แล้ว และเมื่อช่วงกลางปี ก็มีออกกลิ่นใหม่มาให้ได้ลองกันอีก
เริ่มที่ตัวต้นตำรับนะคะ Nuxe Huile Prodigieuse (ในรูป คือ ไซส์ 50 ML เป็นแบบแต้มค่ะ) เป็นตัวที่วางขายมาแล้วกว่า 25 ปี ส่วนผสมหลักๆ มาจากธรรมชาติเลย ทั้งนำ้มันซึบากิ , คามีเลีย , อาร์แกน , อัลมอนด์ , โบราจ , เฮเซลนัท และ แมคคาเดเมีย ซึ่งเน้่นในเรื่องให้ความชุ่มชื่น บำรุงผิวค่ะ

เรียกได้ว่านำ้มันขวดนี้ เป็นนำ้มันสารพัดประโยชน์ ทาได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า อีกทั้งเป็น Dry oil ที่ทาแล้ว ไม่เหนียวเหนะหนะ ซึมได้เร็วค่ะ แต่นั่นก็ไม่ใชาเหตุผลหลักเนอะ
ที่เราชอบที่สุด คือ กลิ่นค่ะ!! แน่นอน ไม่หอม เราไม่ชอบ
กลิ่นของเจ้าตัวนี้ มาจากกลิ่นของดอกส้ม ดอกพุด แมกโนเลีย หวานหอมแบบไม่โฉ่งฉ่าง เเละเมื่อผสมกับ วานิลลา และมะพร้าวอ่อนๆ ทำให้กลิ่นมีความหรูหรา และอ่อนหวานมากขึ้นค่ะ
หลังจากอาบนำ้เสร็จ เช็ดตัวหมาดๆ (ต้องหมาดๆนะ จะช่วยให้ทานำ้มันได้ดีขึ้น ถ้าผิวแห้ง จะใช้ค่อนข้างเปลือง และเยอะเกินความจำเป็น ทำให้ผิวมันเกินไปด้วยค่ะ) ลูบไล้ให้ทั่วตัว หลังจากนั้นก็ใส่เสื้อผ้าตามปกติได้เลย
เวลาที่ใช้เจ้าตัวนี้ ไม่ต้องใช้นำ้หอมเพิ่มแล้วนะคะ เดี๋ยวกลิ่นจะตีกัน เว้นแต่จะมีนำ้หอมกลิ่นเดียวกัน ก็จะช่วยให้กลิ่นติดทน และฟุ้งกระจายมากขึ้น แต่เอาจริงๆนะ แค่ทาผิวก็พอค่ะ
หลังจากที่ใช้มา เราสังเกตว่า ผิวเรียบเนียนมากขึ้น ดุชุ่มชื่นค่ะ นอนในห้องแอร์ก้ไม่หวั่น แต่ว่ารอยผิวแตก ยังไม่ค่อยลดเท่าไหร่นะคะ
สำหรับเรา สิ่งที่ไม่เวิร์คคือ ตอนที่ใช้ทาหน้า กับทาผม
หลังจากที่ทาหน้าแล้ว มีสิวผดขึ้นค่ะ เลยต้องงดไป พอทาผม ก็เหนียวไปสำหรับผมเา ที่พื้นฐาน ค่อนข้างมันง่าย เลยใช้ทาตัวอย่างเดียวเลยค่ะ
ปกติเราชอบใช้ช่วงก่อนนอน เพราะกลิ่นหอม ผ่อนคลาย ทาแล้วหลับสบายมากค่ะ
มาที่ตัวที่สองนะคะ Nuxe Huile Prodigieuse Florale

ตัวนี้เพิ่งออกมาใหม่ๆเลยค่ะ พอเห็นว่ามีการปรับกลิ่น เลยรีบซื้อมาลองทันที ขนาดที่วางขายจะเป็น 100 ML หัวสเปรย์นะคะ
ความแตกต่างระหว่าง หัวหยดกับหัวสเปรย์ ตัวเราเองชอบแบบหยดมากกว่า เพราะสามารถจำกัดปริมาณได้ ข้อเสียที่เราเจอเมื่อใช้หัวสเปรย์ คือ เวลาฉีด ตัวนำ้มันกระจายเป็นวงกว้าง บางครั้งปลิวลงพื้น ก็พื้นลื่นอีก หรือฉีดที่ตัว ก็ไปโดนส่วนที่ไม่ต้องการค่ะ แถมเปลืองด้วย เลยใช้วิธีฉีดใส่ฝ่ามือ แล้วลูบที่ผิวแทนค่ะ
ส่วนที่ต่างไปจากต้นตำรับเลย คือ กลิ่นค่ะ ที่มีกลิ่นของเหล่ามวลดอกไม้และซีตรัสเพิ่มเข้ามา เรียกได้ว่า หอมสดชื่นมากขึ้น และตัวนำ้มันเอง เนื้อบางเบากว่าตัวต้นตำรับค่ะ
วิธีมช้ สามารถใช้ได้เดี่ยวๆเลย หรือฉีดใส่ฝ่ามือ แล้วผสมกับโลชั่นทาตัวที่ใช้อยู่ (แต่เราแนะนำเป็นโลชั่นแบบไม่มีกลิ่น หรือยี่ห้อเดียวกันนะคะ เคยผสมตัวอื่น กลิ่นตีกันนัวเลย ไม่หอมเหมือนใช้ของยี่ห้อเดียวกันค่ะ) ทาได้ทั่วตัวเหมือนเคยนะคะ แต่เราก็ชอบเอาทาผิวตัวที่สุดอยู่ดี
ถ้าให้เทียบกัน เราชอบตัวธรรมดามากกว่านะคะ ทั้งในส่วนของกลิ่น และเนื้อสัมผัสค่ะ ส่วนตัวสีชมพู ไว้ใช้สลับกัน เปลี่ยนกลิ่นบ้างเท่านั้นค่ะ