คอลเลคชั่น Prada infusion เริ่มมาจาก Infusion d’Iris ในปี 2007 ซึ่งโด่งดังเป็นที่ถูกอกถูกใจคอน้ำหอม ในกลิ่นที่สะอาด สดชื่น เหมือนสบู่ราคาแพง มาในรอบนี้ เค้าหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ โดยเลือกกลิ่น Iris ตัวต้นฉบับ Infusion de Fleur d’Oranger จากปี 2009 และ Infusion de Vetiver จากปี 2010 ขึ้นมา และเพิ่มกลิ่น d’Iris Cedre, Infusion d’Amande และ Infusion d’Oeillet เข้ามาในคอลเลคชั่นนี้ สำหรับปีนี้ค่ะ

จากความร่วมมือของผู้ปรุงน้ำหอม (สุคนธกร) Daniela (Roche) Andrier และ Miuccia Prada ได้รังสรรค์น้ำหอมที่สามารถใช้ได้ทั้งชายและหญิง ทั้งหกดทนกลิ่น ซึ่งใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกถึงความร่วมสมัยค่ะ 

ฟังคอนเซปท์แล้วรู้สึกอลังการงานสร้างดีจริงๆ ยิ่งเห้นโฆษณาแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าน่าลองใช้มากขึ้นค่ะ จากเดิมที่เราชื่นชอบตัว Iris d’Infusion เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มางานนี้เรียกได้เลยว่าใจจดจ่อเลยค่ะ 

ทีนี้กล่องมา เราก็แกะกล่อง ตื่นเต้นจริงๆค่ะ กล่องสวยงาม น่าเก็บสะสมมากๆเลย

เรียงด้านหลังด้วยความเห่อค่ะ

แกะขวดมาดูหน่อยสิคะ  (จะบอกว่า เพื่อความสวยงาม เราแกะจากก้นกล่องค่ะ เพราะฝากล่องเปิดยากนิดนึง แงะลำบาก กลัวขาดอีกด้วยค่ะ)

ขวดข้างในเหมือนกันทุกประการ ฉะนั้น แกะแล้วอย่ามือซน เอาสลับไปมานะคะ งงๆกลิ่นไม่รู้ด้วยนะคะ เราเตือนแล้วนะคะ (งงมาก่อนหน้าแล้วนั่นเอง) ขนาด 8 ML. เป็นแบบแต้มนะคะ

มาทำความรู้จักแต่ละกลิ่นดีกว่าค่ะ

ตัวแรก Infusion de Vetiver

Fragrance Notes : Haitian vetiver, purple ginger, Tunisian neroli, Italian bergamot and Turkish rose

เป็นกลิ่นที่เราเคยมองข้ามไป เพราะคิดว่าเป็นกลิ่นของผู้ชาย จะต้องมาแบบแมนๆคุยกัน แต่พอได้ลองเข้าจริงๆแล้ว กลิ่นหอมกว่าที่คิดค่ะ ด้วยกลิ่นของหญ้าแฝก ขิง มาดึงกลิ่นให้สดชื่นมากขึ้น กลายเป็นว่าเราชอบกลิ่นนี้มากกว่าตัวอื่นเลยด้วซ้ำค่ะ

Infusion d’Oeillet

Fragrance Notes : carnation, Australian sandalwood, styrax, Indonesian patchouli and mandarin essence.

กลิ่นถัดมา สีชมพูน่ารักฟรุ้งฟริ้งเลยค่ะ กลิ่นตัวนี้จะมาแบบลมเอื่อยๆเบาๆค่อนไปทางผู้หญิงหวานๆหน่อยนะคะ ยังคงโทนสดชื่นได้ดี ราวกับฤดูใบไม้ผลิค่ะ แต่เรารู้สึกว่า ยังไม่โดนสำหรับเราค่ะ เพราะกลิ่นบางและหวานไปหน่อยค่ะ

ตัวที่สาม Infusion d’Amande

Fragrance Notes :  bitter almond, heliotrope, tonka beans, musk and essence of anise.

กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่เราหวังมากไปหน่อยค่ะ กลิ่นเปิดมานี่คือถั่วแบบเต็มๆ เคี้ยวถั่วได้สักพัก กลิ่นกลางและท้ายจะคล้ายกับตัวไอริสต้นตำรับเลย ในความรู้สึกเรา เรายังไม่ค่อยโดนกับกลิ่นนี้ซักเท่าไหร่ ยังมีความไม่เข้ากันเจืออยู่บางๆน่ะค่ะ

ตัวถัดมา Infusion de Fleur d’Oranger

Fragrance Notes :  Tunisian neroli, orange blossom from Morocco and from Tunisia, Indian tuberose and Indian Sambac jasmine

เป็นกลิ่นที่เราอยากลองมากที่สุดในเซตเลยค่ะ เพราะเราชอบโทนกลิ่นของดอกไม้ขาว ซึ่งก็ไม่ผิดหวังนะคะ กลิ่นของดอกส้ม ซ่อนกลิ่น และมะลิมากันอย่างโครมครามเลยทีเดียว แต่ปลายกลิ่นก็ยังเป็นไอริสเช่นเดิมค่ะ ถือว่าหอมในระดับกลางๆ แต่ไม่ได้ตกหลุมรักเลยทันทีน่ะค่ะ

Infusion d’Iris Cèdre

Fragrance Notes :  iris, cedar, Tunisian neroli, benzoin from Laos and Somali incense.

กลิ่นนี้ จะมาแนวแบบอบอวลจากกลิ่นของสนซีดาร์พร้อมยางไม้และควันธูป ซึ่งพอมาลองจริงๆกลิ่นก็ไม่ได้ไปในโทนมืดซักเท่าไหร่นะคะ เป็นกลิ่นหอมจางๆ ระเรื่อ ไม่สดชื่นเท่าตัว Vetiver ค่ะ มีควันจางๆเล็กน้อยให้พองาม เป็นกลิ่นที่ไม่เกลียด แต่ก็ไม่รักนะคะ อาจจะเพราะเป็นแนวที่ไม่ค่อยถนัดก็เป็นได้ค่ะ

ตัวสุดท้าย ตัวแม่นั่นเอง Infusion d’Iris

Fragrance Notes : iris, Italian mandarin, Tunisian neroli, cedar and benzoin from Laos.

อันนี้เป็นกลิ่นต้นตำรับ กลิ่นของสบู่หอมๆ ใครนึกไม่ออก ให้ลองนึกถึงกลิ่นสบู่ยี่ห้อ คัสสัน อิมพีเรียลนะคะ ออกโทนนั้น แต่กลิ่นจะนุ่มกว่า ละมุนมากกว่าค่ะ 

โดยรวมแล้ว กลิ่นตระกูลนี้ค่อนข้างใช้ง่าย ได้ทั้งกลางวัน เย็น และกลางคืน แต่จะไม่เหมาะสำหรับตระเวณราตรีนะคะ เพราะกลิ่นจะมาแนวสุภาพไปหน่อย

ความคงทน บนผิวเราอยู่ได้ 8-10 ชั่วโมงเลยค่ะ เป็นกลิ่นอ่อนๆตลอดวัน

ถ้าเปรียบเทียบแล้ว เราว่าตระกูลนี้ เหมือนไอศครีมเคลือบรสต่างๆน่ะค่ะ ที่ท้ายกลิ่นจะคล้ายๆกัน ต่างกันในกลิ่นเปิดบ้าง ซึ่งถ้าใช้แบบจริงๆจังๆ เราค่อนข้างชอบตัว Iris กับ Vetiver มากกว่า พอมาลองเซตนี้แล้วรู้สึกเหมือนกินไอติมวานิลลา เคลือบชอคโกแลตบ้าง เคลือบน้ำตาลบ้างน่ะค่ะ