กิฟท์แกะกล่องกัน กับ Cutepress My Siganute Collection 1&2

สวัสดีค่ะ พบกับรีวิวยกลอตกันอีกครั้งนะคะ รอบนี้เราได้โจทย์จากเพื่อนๆมาว่า อยากได้น้ำหอมกลิ่นสาวๆใสๆ ใช้ง่าย ราคาไม่แพง หลังจากมองหาอยู่สักพัก ก็ได้สอยเซตนี้มาค่ะ ราคาเบาๆ ขวดละ 399, 499 ปริมาณ 60 มิลลิลิตร ยิ่งถ้าเป็นสมาชิก มีคะแนนสะสม ก็ได้ลดราคาลงไปอีก ตกขวดละสองร้อยกว่าบาท เลยซื้อมาครบทุกกลิ่นค่ะ

Cutepress My Siganute Collection

ขอแจ้งก่อนว่า ความชอบเรื่องกลิ่นเป็นปัจเจกบุคคล ความเห็นในการรีวิวน้ำหอมนี้ ถือเป็นความคิดเห็นและประสบการณ์ที่ได้ลองใช้เองนะคะ ผลที่ได้ในแต่ละบุคคลอาจมีความแตกต่างกันไปค่ะ

เริ่มที่ My Signature Collection 1 ก่อนนะคะ

ใครจะรู้ว่า คิวท์เพรสจะจ้างน้องญาญ่ามาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งตรงนี้มีผลกับแบรนด์พอสมควร ด้วยโฆษณาที่ดูน่ารักสดใส และสื่อความหมายของน้ำหอมได้ดีเลยทีเดียว โดยแบ่งหลักๆ เป็นสามแนวกลิ่นคือ หวาน น่ารัก และเย้ายวน 

ตัวบรรจุภัณฑ์เรียกได้ว่า ทำออกมาสวยกว่าราคา ลายดอกไม้สีสันสดใสและดูคลาสสิคเลยทีเดียว เปิดกล่องโดยใช้วิธีดันฝากระดาษขึ้นมา จะเจอขวดน้ำหอม อยู่ในบล็อกพลาสติก สินค้าดูเรียบร้อย ง่ายต่อการขนส่งค่ะ ตัวขวด ใช้เป็นการสกรีนด้านหลัง พอมองที่ขวดน้ำหอม ก็จะเห็นรูปที่สื่อความหมายของแต่ละกลิ่นออกมาค่ะ

มาที่กลิ่นแรกดีกว่า กลิ่นหลักที่เค้าโปรโมทนั้น คือ Juliet Rose EDT  มาเป็นตัวแทนของความหวาน ให้นิยามว่า เหมาะสำหรับสาวโรแมนติก อ่อนหวาน แสนอบอุ่น

กลิ่นเปิดมานั้น เป็นกลิ่นโทนฟลอรัล หลักๆเน้นที่ดอกแคสซิส และตามด้วยมัสก์ และแอมเบอร์ ตัวเราเองจับได้กลิ่นกุหลาบมอญบางๆ และแอพริคอต ในช่วงกลางของกลิ่นค่ะ ส่วนท้ายนั้นกลิ่นคล้ายแป้งเด็กหอมๆติดผิว ดูเหมือนสาวๆเนื้อหอมเลยทีเดียว กลิ่นแนวโปร่งๆใสๆนี้ เหมาะกับอากาศบ้านเราดีนักแล

มาที่กลิ่นที่สอง Daisy Star EDT มาพร้อมกับโทนสีเหลืองอมส้ม ให้ความรู้สึกถึงความน่ารักสดใส ร่าเริง ยิ้มเก่ง 
โดยกลิ่นจะปรับให้สดชื่นขึ้นจากตัวแรกนะคะ 

กลิ่นเปิดหลักๆจะเป็นตัว เกรปฟรุต หอมแบบผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน ทิ้งตัวไปสักพัก กลิ่นจะค่อยๆละมุนด้วยตัวของวานิลลาและมัสก์ ค่ะ กลายเป็นกลิ่นที่เปรี้ยวนำ แล้วหวานตาม ดูโลกสดใสสว่างเจิดจ้า นึกถึงสาวเชิ้ตขาวกางเกงยีนส์เลยทีเดียว

กลิ่นสุดท้ายของคอลเลคชั่นนี้ Cara Lily EDT เรียกได้ว่าเป็นกลิ่นที่เราชอบที่สุดในคอลเลคชั่นนี้ค่ะ เนื่องจากกลิ่นได้ฉีกแนวออกไปจากสองตัวด้านบน ว่ากันว่า กลิ่นนี้นิยามถึงผู้หญิงช่างฝันและประสบความสำเร็จ แถมเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกๆคน 

กลิ่นเปิดของตัวนี้ เริ่มจากราสพ์เบอร์รี่แบบเซ็กซี่เบาๆ แล้วตามด้วยมัสก์และวานิลลา ให้ความรู้สึกหอมแบบน่าค้นหา ถึงจะดูร้าย แต่ก็ยังมีความหวานในตัว ใส่ดินเนอร์ยามเย็นพอไปได้นะคะ หอมหวาน อ่อยเนียนๆอยู่

โดยรวมของคอลเลคชั่นนี้ ถือว่ากลิ่นทำออกมาได้ดีค่ะ แต่ว่ายังไม่ถึงกับเป็นกลิ่นที่ดมปุ๊บแล้วรู้ว่าเป็นกลิ่นไหน จากแบรนด์อะไร ยังขาดความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไปค่ะ ทว่าเทียบกับราคาแล้ว สามารถใช้ได้เรื่อยๆสบายๆ และกลิ่นก็ดูสุภาพค่ะ

เรื่องความติดทน สำหรับเรา ลองแล้วอยู๋ได้แค่ 2-3 ชั่วโมง เนื่องจากเราเป็oคนเหงื่อเยอะ กลิ่นจะจางไวกว่าปกติค่ะ ต้องใช้ในปริมาณที่มากพอสมควร ถึงจะทนขึ้นมา

หลังจากที่คอลเลคชั่นแรกประสบความสำเร็จพอสมควร ทางแบรนด์จึงออกคอลเลคชั่นที่สองมา สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเลย คือ บรรจุภัณฑ์ จากเดิมที่เราดูว่าแข็งแรงแล้ว รอบนี้ แข็งแรงมากขึ้น ตัวกล่องทำออกมาทรงคล้ายหนังสือปกแข็งแบบโบราณ สีชมพูน่ารัก น่าสะสม(และราคาก็เพิ่มขึ้นมาอีกร้อยนึง) 

เมื่ออ่านรายละเอียดแล้วพบว่า ตัวกลิ่นน้ำหอมเองนั้น ทำออกมาซับซ้อนขึ้นกว่าเดิมพอควรค่ะ เหมือนตัวเด็กสาวที่โตขึ้นมาอีก 2-3 ปี ตัวขวดน้ำหอมยังเหมือนเดิมนะคะ แต่เปลี่ยนมาสกรีนที่หน้าขวดแทน ให้ความรู้สึกน่ารักไปอีกแบบนึงค่ะ

จับคู่ตัวกลิ่นแรกดีกว่า

Juliet in Paradise จูเลียต อิน พาราไดซ์ โอ เดอ ทอยเล็ต จากเดิมเลียตอยู่ของเลียตดีๆ ตอนนี้ก็พามาที่สรวงสวรรค์ ตามหารักแท้ละ แต่ยังคงคอนเซปท์เดิม คือ อ่อนหวาน โรแมนติก ละมุนละไมเลยทีเดียว

ด้วยกลิ่นเปิดมา จากดอกฟรีเซีย และไวโอเลต ที่ให้ความสดชื่นราวกับอยู่ในร้านดอกไม้ สักพัก กลิ่นของกุหลาบและมะลิที่คุ้นเคยก็ตามมา เอื่อยๆพอได้สัมผัส หลังจากนั้นก็หอมติดผิวจากกลิ่นของมัสก์ แซนดัลวูด และวานิลลา ซึ่งยังคงคอนเซปท์เดิมที่ให้กลิ่นหอมติดผิวแบบแป้งเด็กนะคะ 
Juliet Rose VS Juliet in Paradise เรากลับชอบเวอร์ชั่นแรกมากว่า ถึงแม้กลิ่นซับซ้อนน้อยกว่า แต่หวานหอมละมุนกว่าค่ะ

ถัดมา Daisy in Wonderland EDT    เดซี่ อิน วันเดอร์แลนด์ โอ เดอ ทอยเล็ต

แม่สาวสดใส รอบนี้กลายเป็นอลิซในดินแดนมหัศจรรย์ไปเรียบร้อยละค่ะ โตจนไปผจญภัยได้ละ 

กลิ่นเปิดยังคงเริ่มจากเกรฟฟรุตเหมือนเคย แต่รอบนี้เพิ่มลูกพลัมเข้ามา ทำให้กลิ่นหวานอมเปรี้ยวชุ่มคอเด่นชัดมากขึ้น แต่ก็ยังคงความหวานจากดอกกุหลาบและฟรีเซีย และกลิ่นทิ้งท้ายด้วยมัสก์และแอมเบอร์

ถ้าเทียบกันแล้ว เดซี่กับจูเลียตยังมีความคล้ายกันของกลิ่นพอสมควร ต่างกันในส่วนของกลิ่นเปิด ที่น้องเดซี่จะดูทะมัดทะแมงและสดใสกว่าค่ะ
Daisy Star VS Daisy in Wonderland เทียบกันสองตัวนี้ เราก็ยังคงชอบเวอร์ชั่นแรกมากกว่า เพราะกลิ่นของลูกพลัมนั้น บาดจมูกเราไปหน่อยค่ะ

มาที่กลิ่นสุดท้ายแล้ว Cara in Wilderness EDT คาร่า อิน วิลเดอร์เนส โอ เดอ ทอยเล็ต

สาวช่างฝัน มั่นใจและมีเสน่ห์ลึกลับ เวอร์ชั่นนี้เรียกว่าโตจากกลิ่นของเวอร์ชั่นแรกอย่างชัดเจน ด้วยกลิ่นเปิดของ แอปเปิ้ล และ สตาร์ แอนิส (แถวบ้านเรียกว่า โป๊ยกัก) ให้ความรู้สึกสดชื่นแต่นุ่มนวลในเวลาเดียวกัน พร้อมทั้งกลิ่นของกล้วยไม้และดอกเฮลิโอโทรเป้ บวกกับมัสค์และแอมเบอร์ สองสารยอดฮิตที่ใช้ตรึงกลิ่นให้ติดทนนาน เป็นกลิ่นที่คาแรกเตอร์ค่อนข้างต่างจากสองกลิ่นแรกอีกเช่นกันค่ะ 

Cara Lily VS Cara in Wilderness ต้องยอมรับว่าเราชอบเวอร์ชั่นสองมากกว่าตัวแรก ด้วยกลิ่นที่ชวนดึงดูดมากกว่า และซับซ้อนกว่าค่ะ
โดยภาพรวมนะคะ ทั้งสองคอลเลคชั่นนี้ เหมาะสำหรับสาวๆวัยรุ่น ไปจนถึงวัยทำงาน ผู้ชื่นชอบกลิ่นหอมแบบอ่อนละมุน ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าเงิน และใช้ได้ทุกโอกาส ยกเว้นยามออกไปเที่ยวตระเวนราตรีนะคะ ไม่งั้นถูกกลิ่นอื่นกลบหมดแน่ๆ

ความคงทน สำหรับเรา ได้ราวๆ 2-3 ชั่วโมง แต่ด้วยความที่เค้ากลิ่นใสๆ ใช้เติมระหว่างวันได้แบบไม่น่าเกลียดค่ะ 

ความคุ้มค่า อันนี้เราให้ 7 เต็ม 10 นะคะ ปริมาณ 60 มิลลิลิตร ราคาราว 3-4 ร้อย อาศัยช่วงโปรดีๆ บางทีซื้อได้ลด 50% นะเออ แถมหาซื้อง่าย ช้อปเค้าก็มีตามห้างอยู่มากมายค่ะ

***หมายเหตุ รีวิวนี้ซื้อผลิตภัณฑ์มาทดลองเอง ไม่ได้รับการสปอนเซอร์ค่ะ ขอสงวนสิทธิ์ในการนำรีวิวไปใช้ในทางการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรนะคะ

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s